ตำหนักประจำยามสี่ทิศแห่งพระราชวังโบราณ
เมื่อพระจักรพรรดิหย่นลือได้ทรงย้ายราชธานีไปอยู่นานกิง ได้ส่งเสนาบดีผู้ใหญ่ให้ขึ้นมาซ่อมแซมพระราชวังที่กรุงปักกิ่ง และให้สร้างพระตำหนักประจำยามสี่ทิศให้ออกแบบมีหลังคาสูง และให้สวยงามโดยให้เสร็จภายใน ๓ เดือน หากไม่เสร็จทัน ๓ เดือน ช่างทุกคนรวมทั้งเสนาบดีด้วยจะต้องถูกประหารชีวิต เสนบดีรีบขึ้นมากรุงปักกิ่งและประชุมนักออกแบบและนักก่อสร้างที่ดีที่สุดของปักกิ่ง จำนวน ๘๑ คน มาช่วยกันออกแบบและก่อสร้างตำหนักประจำยามที่สี่มุมของพระราชวัง และให้เสร็จภายใน ๓ เดือน มิฉะนั้นทุกคนจะถูกประหารชีวิตหมด
บรรดาช่างออกแบบและช่างก่อสร้างก็เดือดร้อนใจ เร่งประชุมหารือกัน แต่ก็ตกลงกันไม่ได้ว่าจะใช้เสากี่เสา คนกี่คาน และลักษณะหลังคาจะเป็นอย่างไร จนเวลาล่วงไปหนึ่งเดือนทุกคนก็กลัดกลุ้มใจ เพราะไม่ว่าผู้ใดเสนอแบบอกมาก็มีปัญหาขัดแย้งกันทุกที
วันหนึ่ง นายช่างผู้หนึ่งด้วยความไม่สบายใจจึงออกไปเดินเล่น เขาได้ยินเสียงจิ้งหรีดและคนขายร้องว่า “ซื้อจิ้งหรีดครับ ฟังเสียงจิ้งหรีดแล้วหลับสบาย” นายช่างจึงคิดว่าเรานอนไม่หลับด้วยความไม่สบายใจมาทั้งเดือนน่าจะลองซื้อจิ้งหรีดไปฟังเล่น จึงซื้อจิ้งหรีดจากชายชราคนขายสองตัว จิ้งหรีดแต่ละตัวอยู่ในกรงไม้ที่สร้างสวยงามมาก พอเขานำกรงจิ้งหรีดทั้งสองมาที่พัก เพื่อช่างก็ต่อว่า “พวกเรากำลังกลุ้มใจเรื่องการก่อสร้าง ท่านยังทำเหมือนเด็กไปซื้อจิ้งหรีดมาเล่น” นายช่างที่ซื้อจิ้งหรีดก็ตอบว่า “เพราะพวกเรากลุ้มใจกันน่ะซี จึงต้องฟังเสียงจิ้งหรีดกัน และดูนี่ซิ กรงจิ้งหรีดนี่ก็สวยดีนะ” พอเขาพูดจบ เขาก็มองกรงจิ้งหรีดอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วบอกแก่เพื่อน ๆ ว่า “เราสร้างตำหนักสี่ทิศแบบกรงจิ้งหรีดนี่เถอะ ดูซิ เขาสร้างแปลกมาก มี ๙ คาน ๑๘ เสา และลอนหลังคา ๗๒ ลอน”
นายช่างอื่น ๆ ก็มาดูและเห็นว่า เป็นแบบก่อสร้างที่สวยงาม ทุกคนจึงตกลงสร้างแบบนี้และสามารถสร้างได้เสร็จภายในเวลาสองเดือนที่เหลือ และเป็นตำหนักที่สวยงามมาก
ชาวจีนเชื่อกันว่า ชายชราผู้ขายจิ้งหรีดนั้น คงเป็นเซียนลู่ ปัน ซึ่งเป็นเทพแห่งการก่อสร้าง แปลงตัวลงมาช่วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น